สถาบันเอเชียศึกษามีความสนใจเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงมาเป็นระยะเวลานาน ในเบื้องต้นนั้นได้มีการจัดตั้งโครงการเครือข่ายแม่น้ำโขง (Mekong Development Research Network) ขึ้นในปี พ.ศ.2536 เพื่อเป็นศูนย์บริหารและประสานงานกับหน่วยงานและประเทศที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรจากแม่น้ำโขง โดยได้ให้การสนับสนุนการทำวิจัยระหว่างประเทศว่าด้วยการจัดการทรัพยากรลุ่มแม่น้ำโขง และจัดประชุมปรึกษาหารือร่วมกันในการใช้ทรัพยากรของแม่น้ำสายนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีผลงานอาทิ Maps of International Borders Between Mainland Southeast Asian Countries and Background Information concerning population Movements at these Borders (1998) การที่แม่น้ำโขงตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญได้กระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวในการศึกษาค้นคว้าประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับดินแดนบริเวณดังกล่าว ทั้งจากองค์กรของรัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเย็นเป็นต้นมาแม่น้ำโขงได้ทวีความสำคัญอย่างเป็นพลวัต อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมระหว่างประเทศ ดังนั้น สถาบันเอเชียศึกษาจึงเห็นความจำเป็นในการศึกษาทำความเข้าใจแม่น้ำโขงในมิติต่างๆ และได้ขยายโครงสร้างของงานจากโครงการเครือข่ายแม่น้ำโขงมาเป็นศูนย์แม่โขงศึกษาเพื่อสานต่อและพัฒนาความรู้ในปี พ.ศ.2544 โดยเน้นถึงการศึกษาพลวัตของแม่น้ำโขงอันสัมพันธ์กับสถานการณ์ปัจจุบัน และยังได้ขยายความสนใจไปสู่ประเด็นฐานรากของแม่น้ำโขง อันได้แก่ ประวัติศาสตร์ ผู้คน และวัฒนธรรม โดยมองแม่น้ำโขงในฐานะที่เป็นสายน้ำที่มีชีวิต
[1] Patel, Chirag, and Rishabh
Prasad. The Real History of Humanism.The Hidden History of Humanism
Series, Part 1. 2021.
[2] Gier, Nicholas F. The
Virtues of Asian Humanism.The Journal of Oriental Studies, Vol. 12,
2002, pp. 174–188.
[3] Huang, Chun-chieh. “Humanism in East Asia.” In The Oxford Handbook of Humanism, edited by Anthony B. Pinn. Oxford: Oxford University Press, 2020. https://doi.org/10.1093/oxfordhb/9780190921538.013.31
[4] Keown, Damien. Buddhism:
A Very Short Introduction. Oxford: Oxford University Press, 2013.
[5] รัชชัย ขยันทำ.
(2566). วัฒนธรรมความเชื่อที่เกี่ยวข้องประเพณีบั้งไฟของคนอีสาน
[Culture beliefs about the fireball traditions of Isan people]. วารสารปริทรรศน์ทางปรัชญา (Journal of Philosophical Vision),
22(2), 89–99.
[6] กฤษดา บุญชัย.
(2553). ประวัติศาสตร์ “ภูมิภาคลุ่มน้ำโขง” [The
History of “Mekong Region”]. วารสารชุมชนลุ่มน้ำโขง (Journal
of Mekong Community), 6(1), 85–106. สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน
(องค์การมหาชน).
[7] พระครูภัทริวิสุทธิ์ภัทร,
พระมหาประหยัด ปญฺญาวุโธ, พระมหาประทีป
อภิปุณฺโณ, พระมหาประสิทธิ์ อภิปุณฺโณ, พระวินัยชัย อภิญฺญาโต, และเจษฎา บุญยาพอ. (2558).
ศึกษาเปรียบเทียบความเชื่อเรื่องพระยาแถน พญานาค และการถือผีของประชาชนสองฝั่งโขง:
กรณีศึกษาจังหวัดหนองคายและนครหลวงเวียงจันทน์ [A comparative study of
beliefs about Phaya Thaen, Naga, and spirit worship of people on both sides of
the Mekong River: A case study of Nong Khai and Vientiane]. วารสารศรีล้านช้างปริทรรศน์
(Srilanchang Review), 1(2), 1–18. วิทยาลัยศรีล้านช้าง
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
[8] สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
(2554). ญัตติ เรื่อง
ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาสิ่งแวดล้อมลุ่มแม่น้ำโขง
[Document on the consideration of a motion requesting the House of
Representatives to establish an ad hoc committee to study environmental
problems in the Mekong River Basin]. กรุงเทพมหานคร: สำนักวิชาการ
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.