Search
Call Center : 0-2251-5199 E-Mail Facebook Page
Language
Thai Language English Language
News
China ๕.๐ เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และกฎหมายในจีนยุคใหม่
China ๕.๐ เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และกฎหมายในจีนยุคใหม่

คณะนิติศาสตร์ ร่วมกับ ศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สำนักพิมพ์ Bookscape จัดงานเสวนาทางวิชาการ ฬ.จุฬาฯ นิติมิติ โดยมี ดร. อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้เขียนหนังสือ China ๕.๐ สีจิ้นผิง เศรษฐกิจยุคใหม่และแผนการใหญ่ AI พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์วรศักดิ์ มหัทธโนบล คุณมาณพ เสงี่ยมบุตร และ คุณอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ เข้าร่วมการเสวนาที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการเปิดตัวหนังสือเล่มดังกล่าว เมื่อวันพุธที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๑ เวลา ๑๓.๓๐ – ๑๔.๐๐น. ณ ห้องศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ชั้น ๕ อาคารเทพทวาราวดี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาระสำคัญของการบรรยายสรุปได้ ดังนี้

การนำเสนอโดย ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร

หนังสือ China ๕.๐ ฯ รวบรวมบทความเกี่ยวกับจีนในหลายมิติเชื่อมโยงกัน นำไปสู่ประเด็นในการเสวนาครั้งนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงหน้าตาของจีนยุคใหม่และผลกระทบต่อโลกและประเทศไทย โดยคำจำกัดความของ “China ๕.๐” คือ

การเมืองจีนที่อยู่ภายใต้ผู้นำรุ่นที่ ๕ ซึ่งก็คือสีจิ้นผิง : สีจิ้นผิงเลือกกลับไปสู่การรวบอำนาจเข้าสู่ส่วนกลางเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจยุคใหม่
เศรษฐกิจจีนยุคใหม่ภายใต้ผู้นำรุ่นที่ ๕ : สีจิ้นผิงกล่าวว่า จีนกำลังเผชิญความขัดแย้งใหม่ คือ ประชาชนต้องการบริโภคสินค้าที่มีคุณภาพ กับการพัฒนาที่ยังไม่สมดุลและยังไม่คงที่ ส่วนความขัดแย้งเดิมคือความต้องการบริโภคสินค้าของประชาชน กับกำลังการผลิตที่ด้อย จีนจึงหันมาเน้นการบริโภคในประเทศและนวัตกรรม
จีนกำลังก้าวเข้าสู่เทคโนโลยี ๕.๐ คือ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ตอบโจทย์ทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ จะเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศจีนไปอย่างมาก
การแก้ไขรัฐธรรมนูญของสีจิ้นผิงในมิติกฎหมาย

สีจิ้นผิงให้ความสำคัญกับกฎหมายในฐานะเป็นกลไกขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ต่างๆ จะเห็นได้จากการใช้วลี “ปกครองโดยกฎหมาย” “ขับเคลื่อนด้วยกฎหมาย” หลายครั้ง เพียงแต่ “กฎหมาย” ดังกล่าวมีความหมายแตกต่างจาก “กฎหมาย” ในความเข้าใจของตะวันตก การปกครองโดยกฎหมายในแบบตะวันตกคือ “Rule of law” มีคำสำคัญคือ “of” หมายถึง “การปกครองที่ถูกจำกัดโดยกรอบของกฎหมาย” ส่วนในแบบจีนคือ “Rule by law” หมายถึง “การปกครองด้วยกลไกกฎหมาย” เมื่อรัฐบาลจีนประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจจึงเป็นที่จับตามองของผู้เชี่ยวชาญจากทุกวงการ เนื่องจากกฎหมายต่างๆที่ตามมาหลังจากนี้จะมาตอบสนองยุทธศาสตร์ดังกล่าว จะเห็นได้ว่าสีจิ้นผิงให้ความสำคัญกับกฎหมายมาก จึงเลือกแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้มีนัยยะสำคัญแค่เพื่อให้สีจิ้นผิงเป็นผู้นำไปตลอด แต่ผู้นำต่อจากสีจิ้นผิงก็ใช้รัฐธรรมนูญนี้เช่นกัน
เนื่องจากสีจิ้นผิงต้องการความชัดเจน และให้กลไกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน(พคจ.)เป็นตัวเชื่อมโยงภาคส่วนต่างๆ จึงให้พคจ.กลับมามีบทบาทนำอีกครั้งโดยเขียนไว้ในมาตราแรกของรัฐธรรมนูญว่า “ประเทศจีนนำโดยพคจ.” ซึ่งเมื่อก่อนเขียนไว้ในอารัมภบท ไม่ได้อยู่ในมาตราแบบทางการ
เมื่อ ๕ ปีก่อน การปราบปรามการทุจริตทำด้วยกลไกพรรค คือองค์การกำกับดูแลและตรวจสอบวินัยแห่งชาติจีน แต่ปัจจุบันมีความพยายามทำให้อยู่ในระบบทางการ คือให้องค์การกำกับดูแลและตรวจสอบวินัยแห่งชาติจีนเข้ามาเป็นอีกองค์กรหนึ่งในรัฐธรรมนูญ คือ องค์กรปราบปรามการทุจริต ให้มีฐานะเทียบเท่าคณะรัฐมนตรี ศาล อัยการ นอกจากนี้ จีนมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและศาลให้มีกระบวนการพิจารณาเร็วขึ้น พร้อมทั้งใช้เทคโนโลยีมาช่วย ทางหนึ่งเป็นการปิดกั้นเสรีภาพ แต่อีกทางหนึ่งก็ทำให้กระบวนการยุติธรรมและเรื่องที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจก้าวหน้า
การที่จีนเติบโตเร็วมีผลกระทบกับการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศมากพอสมควร จีนพยายามสร้างระเบียบโลกใหม่ขึ้น โดยการสร้างองค์กรต่างๆ เช่น ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (AIIB) และยังผลักดันให้สัญญาที่ทำกับโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road) ต่างๆขึ้นกับ “ศาลตามแนวคิดหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road court)”
การนำเสนอโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์วรศักดิ์ มหัทธโนบล

เหตุใดจีนจึงเลือกรวบอำนาจและแก้รัฐธรรมนูญให้ผู้นำครองอำนาจยาวนานได้โดยไม่จำกัดวาระ การรวบอำนาจของสีจิ้นผิงเปลี่ยนแปลงสมดุลการเมืองจีนอย่างไร?

ผู้ช่วยศาสตราจารย์วรศักดิ์ มหัทธโนบลได้สันนิษฐานไว้ ๔ ข้อ ได้แก่ ๑) ขาดผู้นำทางการเมือง ๒) กิเลสทางการเมืองของสีจิ้นผิง ๓) เกิดความขัดแย้งทางการเมืองภายใน ๔) แรงเสียดทานทางการเมืองระหว่างพคจ.และกองทัพ โดยเฉพาะในช่วงการปกครองโดยหูจิ่นเทา ปี ๒๕๕๑ แต่ข้อที่ ๓ และ ๔ มีความเป็นไปได้มากกว่ามาก ทำให้สีจิ้นผิงต้องอยู่ในอำนาจต่อเพื่อสร้างสมดุลอำนาจระหว่างพคจ.และกองทัพ

แต่หากสีจิ้นผิงต้องการปฏิรูปกองทัพและดำรงตำแหน่งต่อด้วยเหตุผลอื่นนอกเหนือจากข้อ ๔) ความเป็นไปได้ก็คือ ทั้งพรรคและกองทัพเป็นเอกภาพเพื่อความเข้มแข็งและความต่อเนื่องในการจัดการปัญหาเรื่องการมีอำนาจอธิปไตยที่สมบูรณ์ เพื่อบรรลุ “ความฝันของจีน” และหากสีจิ้นผิงทำตามหลักการปกครองโดยกฎหมายจะทำให้การครองอำนาจโดยไม่จำกัดวาระนี้ไม่เกิดปัญหา “ผู้นำเป็นจักรพรรดิ” เช่นในยุคการครองอำนาจระยะยาวของเหมาเจ๋อตุงและเติ้งเสี่ยวผิง

นอกจากนี้หากรัฐบาลของสีจิ้นผิงสามารถพัฒนาเศรษฐกิจให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้ก็จะไม่มีปัญหาการเรียกร้องประชาธิปไตยจากประชาชน

การนำเสนอโดย คุณมาณพ เสงี่ยมบุตร

           จีนในมิติเศรษฐกิจ: ทุกวันนี้เศรษฐกิจจีนเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มีอะไรที่สังคมไทยควรจับตามอง และจีนยุคใหม่แตกต่างจากจีนที่เคยรู้จักอย่างไร

คุณมาณพเริ่มต้นด้วยการย้ำว่าการเข้าใจจีนสำคัญต่อการทำธุรกิจกับจีนอย่างมาก เพราะปัจจุบันระบบเศรษฐกิจจีนแตกต่างจากในอดีตโดยสิ้นเชิง ถึงแม้การที่จีนมาทำธุรกิจที่ไทยสร้างทั้งโอกาสและความท้าทาย แต่หากจีนไม่มาทำธุรกิจที่ไทยจะน่าเป็นกังวลกว่ามาก

ก่อนที่สีจิ้นผิงจะขึ้นมาปกครองจีน จีนให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาก แต่ในปัจจุบันอัตราการเติบโตของการลงทุนด้านดังกล่าวน้อยกว่าสมัยก่อน เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจึงเน้นด้านการบริโภคและการบริการมากกว่า สอดคล้องกับเศรษฐกิจของประเทศไทยมากขึ้น

ความสัมพันธ์ไทย – จีนในด้านการลงทุน ดูจาก Overseas Direct Investment (ODI) ปี ๒๕๕๙ – ๒๕๖๐ สัดส่วนของการลงทุนของจีนในไทยน้อยกว่าด้านการค้ากว่าครึ่ง ดังนั้น ยังถือว่ามีช่องว่างในการพัฒนาด้านการลงทุนอีกมาก

ในช่วง ๒๐ ปีที่ผ่านมา GDP ของจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา จีนส่งออกเป็นส่วนใหญ่ แต่หลังจากนั้น GDP ของจีนตกลงค่อนข้างมาก จีนจึงได้ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สนับสนุนเงินลงทุนมากถึง ๔๐๐ ล้านหยวน ทำให้ GDP ยังคงอยู่ในระดับที่ดี ถึงแม้ตัวเลขการส่งออกจะติดลบ ตั้งแต่นั้นมาเศรษฐกิจจีนจึงขับเคลื่อนด้วยการลงทุน จนถึงช่วง ๒๕๕๕ – ๒๕๕๖ ก่อนสมัยสีจิ้นผิง แต่ในช่วง ๕ – ๗ ปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องการบริโภค จะเห็นได้ว่าประเทศจีนมีการปรับโครงสร้างที่ชัดเจนและประสบความสำเร็จ คุณมาณพมองว่า GDP ของจีนจะค่อยๆลดลงแต่ไม่ตกลงอย่างรุนแรง จึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องวิกฤตการเงินของจีน

จีนมีความต้องการพัฒนาและความมุ่งมั่นในการคิดค้นสิ่งใหม่ๆสูง เน้นการพัฒนาด้วยตัวเองมากกว่าการนำเข้า และ การพัฒนาเศรษฐกิจที่มีเอกภาพจากพื้นฐานความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองและเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศจีนพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว มีเทคโนโลยีล้ำหน้า แต่ยังคงมีปัญหาที่เกิดจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วที่ยังต้องแก้ไข ได้แก่ ปัญหาด้านมลภาวะ การบริการและสาธารณสุขซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ ความปลอดภัยด้านอาหารและยา ซึ่งอาจเป็นโอกาสของธุรกิจด้านการบริโภคและบริการของไทยที่จะเข้าไปเจาะตลาดจีนเพื่อแก้ปัญหาต่างๆได้

เหตุผลที่จีนอยากมาลงทุนด้านธุรกิจที่ไทย

หลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปบางส่วน
เห็นศักยภาพของเศรษฐกิจไทยและอาเซียน โดยใช้ไทยเป็นฐานและเป็นจุดยุทธศาสตร์
มิตรภาพของคนไทย เป็นจุดตัดสินใจในการลงทุน กล่าวคือไทยเป็นประเทศเดียวที่ไม่กีดกันชนชาติจีน
ความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมผู้บริโภคที่น่าสนใจ

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปเนื่องจากฐานะทางเศรษฐกิจ การมีปฏิสัมพันธ์กับต่างประเทศและการเปิดเสรีทางการศึกษาและความคิดมากขึ้น ทำให้ต้องการการอุปโภคบริโภคที่คุณภาพดีขึ้น
เมื่อก่อนการบริโภคกระจุกตัวอยู่ในภาคตะวันออกของจีน แต่ในปัจจุบันได้กระจายตัวไปทางภาคตะวันตก และจากเมืองใหญ่ไปเมืองเล็กมากขึ้น การพัฒนาสังคมเมืองจึงขยายตัวมากขึ้น เป็นการเสริมกำลังการบริโภคของจีน
ธุรกิจของคนไทยต้องมีกลยุทธ์ของประเทศจีน

ต้องชัดเจนว่าจะเจาะตลาดใดของจีน เพราะเมืองใหญ่ เมืองเล็กมีกลุ่มเป้าหมายและกำลังการบริโภคต่างกัน กลยุทธ์ที่ใช้จึงต่างกัน
ศึกษาประเภทสินค้าออนไลน์ที่จะไปลงทุนในตลาดจีน
การนำเสนอโดย คุณอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์

ผู้บริหารบริษัทประกันภัยผิงอัน กล่าวว่า ตลาดออนไลน์ในจีนเริ่มอิ่มตัวแล้ว ดังนั้นจีนต้องขยายไปต่างประเทศ และเห็นว่าแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหมาะที่สุด ปัจจุบันช่องทาง E-commerce รายใหญ่ ได้แก่ Lazada Shopee และ JD ได้เข้ามาบุกตลาดไทยเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัท Alibaba Tencent และ JD ตามลำดับ

บริษัทเทคโนโลยีจีนพัฒนามาได้อย่างไร?

เนื่องจากภาคธุรกิจถูกควบคุมด้วยระบบการเมืองจีน โดยเฉพาะการเซนเซอร์ข้อมูล ทำให้บริษัทเทคโนโลยีของตะวันตกเติบโตในจีนไม่ได้ รวมทั้งตลาดขนาดใหญ่ในประเทศ จึงเปิดโอกาสให้บริษัทจีนเติบโต แต่ในขณะเดียวกันรัฐบาลจีนก็สามารถควบคุมประชาชนได้มากขึ้นโดยการเก็บข้อมูลและการคุมเข้ม (Surveillance) ผ่านเทคโนโลยี AI เช่นการเก็บข้อมูลด้วยลายนิ้วมือหรือกล้องต่างๆ
ทรัพย์สินทางปัญญา บริษัทจีนศึกษาการพัฒนาด้านเทคโนโลยีจากต่างชาติ
สภาวะ “Reverse brain drain” คนจีนในต่างประเทศกลับมาทำงานและพัฒนาประเทศจีน เนื่องจากตลาดออนไลน์จีนมีขนาดใหญ่กว่า เมื่อจีนมีความรู้จากฝั่งตะวันตกและตลาดมีลักษณะเฉพาะ จึงเกิดนวัตกรรม ทำให้พัฒนาได้ดีกว่า
ในหนังสือ “China 5.0” ดร.อาร์มได้พูดถึงพลังสามส่วนของ AI ได้แก่ พลังประมวลผลของคอมพิวเตอร์ (Computational Power) พลังข้อมูลมหาศาล (Big Data) และพลังการวิเคราะห์คำนวณ (Algorithm) คุณอิสริยะได้กล่าวเพิ่มเติมว่า AI จะทำงานได้ดีเมื่อมีข้อมูลจำนวนมาก และบริษัทรายใหญ่ที่มีข้อมูลจำนวนมาก ได้แก่ Baidu Alibaba Tencent ซึ่งครอบครองหรือถือหุ้นธุรกิจต่างๆมากมาย ทำให้เป็นการผูกขาดกลายๆ บริษัทอื่นๆไม่สามารถหลีกเลี่ยงอิทธิพลของทั้งสามบริษัทนี้ได้ และในหลายครั้งมี “สงครามตัวแทน” เกิดขึ้นจากการเลือกข้างสนับสนุนกันและแข่งกันของทั้งสามบริษัท

บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสามมีสายสัมพันธ์แนบแน่น และให้ความร่วมมือกับรัฐบาลจีนดี แต่ก็เป็นไปได้ยากที่เทคโนโลยี “๕.๐” นี้จะเปลี่ยนแปลงการเมืองจีน เพราะรัฐบาลจะไม่ยอมให้เอกชนมีอำนาจเหนือตนเอง

เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของจีนมีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรมผู้บริโภคในด้านต่างๆ เช่น ดนดังในโลกออนไลน์จีน ทำให้วัยรุ่นจีนออกมาท่องเที่ยวด้วยตัวเองมากขึ้นและกรุ๊ปทัวร์จีนมีจำนวนลดลง

Preview
1